ถุงใต้ตาบอกโรคอะไรได้บ้าง ? รู้ทันสัญญาณเตือนจากดวงตา

31 ตุลาคม 2025

นพ.จิรัช เจตชยานนท์

ผู้เขียน

นพ.จิรัช เจตชยานนท์

ถุงใต้ตาบอกโรคอะไรได้บ้าง ? รู้ทันสัญญาณเตือนจากดวงตา

เมื่อสังเกตเห็นถุงใต้ตาบวม หลายคนมักสงสัยว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันนะ แต่รู้หรือไม่? ว่านอกจากสาเหตุทั่วไปอย่างเรื่องของอายุและพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้ว ถุงใต้ตายังบอกโรคที่เรากำลังเป็นอยู่ได้อีกด้วย

ดวงตาถือเป็นหน้าต่างสะท้อนสุขภาพของร่างกาย การเปลี่ยนแปลงรอบดวงตาอาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนของโรคต่าง ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามไป

ถุงใต้ตาบอกโรคอะไรได้บ้าง ใต้ตาบวมอาจบอกว่ากำลังป่วย

ถุงใต้ตาบอกโรคไต สัญญาณที่ต้องเฝ้าระวัง

หนึ่งในโรคที่สัมพันธ์กับถุงใต้ตาบวมคือ โรคไต โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่ตื่นนอนมาแล้วเห็นลักษณะการบวมได้อย่างชัดเจน สม่ำเสมอ และเกิดขึ้นประจำ ภาวะนี้อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่การทำงานของไตผิดปกติก็เป็นได้ 

1. ลักษณะถุงใต้ตาจากโรคไต

  • การบวมแบบสมมาตร : สังเกตว่าใต้ตาทั้งสองข้างจะบวมเท่า ๆ กัน ไม่เอียงข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งเกิดจากภาวะบวมน้ำทั่วร่างกาย (Generalized Edema) เนื่องจากความสามารถในการกรองและขจัดน้ำของไตลดลง
  • บวมมากในตอนเช้า : ขณะที่ร่างกายนอนหลับในท่านอนราบ ของเหลวที่สะสมในร่างกายจะกระจายไปทั่วบริเวณผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ตา จึงทำให้ในช่วงขณะที่ตื่นนอนตอนเช้า จะเห็นอาการบวมได้ชัดเจนที่สุด เพราะของเหลวสะสมเหล่านั้นยังไม่ถูกไหลเวียนออกไป
  • ลักษณะของถุงใต้ตาไม่มีรอยใด ๆ : ถุงใต้ตาจากโรคไตเกิดจากการคั่งของของเหลวในช่องเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งไม่ได้เกิดจากการอักเสบหรือการติดเชื้อ จึงไม่มีรอยแดง หรือรอยคล้ำเหมือนในกรณีที่มีการอักเสบหรือภูมิแพ้
  • กดแล้วบุ๋ม : เกิดจากของเหลวที่สะสมในช่องว่างของเนื้อเยื่อทำให้เนื้อเยื่อนิ่มลง เมื่อกดนิ้วลงไปจะเกิดรอยบุ๋ม เพราะของเหลวถูกดันออกชั่วคราว ซึ่งรอยบุ๋มนี้จะค้างอยู่เพราะของเหลวจะยังไม่กลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิมอย่างรวดเร็ว เป็นลักษณะเฉพาะของการบวมน้ำจากภาวะไตเสียหรือโรคที่มีของเหลวคั่งในเนื้อเยื่อ

อาการที่เกิดร่วมด้วย สำหรับผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคไต

  • ปัสสาวะน้อยลง หรือมีฟองมากผิดปกติ
  • บวมบริเวณอื่นร่วมด้วย เช่น หน้าแข้ง ข้อเท้า หรือใบหน้า
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียตลอดวันแม้ไม่ได้ใช้แรง
  • ความดันโลหิตสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ

2. ถุงใต้ตาบอกโรคหัวใจ

ภาวะถุงใต้ตาบวมก็สามารถบอกถึงโรคหัวใจได้เช่นกัน โดยลักษณะอาการและเวลาที่เกิดจะแตกต่างจากโรคไตอย่างชัดเจน 

ลักษณะถุงใต้ตาจากโรคหัวใจ

  • บวมแย่ในช่วงเย็น : เพราะหัวใจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้เลือดและของเหลวไหลเวียนไม่ดี เกิดการคั่งอยู่ตามหลอดเลือดฝอยและเนื้อเยื่อต่าง ๆ รวมถึงบริเวณใต้ตา จึงทำให้มีอาการบวมได้มากในช่วงเย็น
  • บวมหลังทำกิจกรรม : เกี่ยวข้องมาจากระบบไหลเวียนโลหิตและการคั่งของของเหลวในร่างกาย ทำให้มีโอกาสเกิดการบวมหลังจากการทำกิจกรรมหนัก ๆ เช่น การออกกำลังกาย การเดินทางไกล เป็นต้น
  • บริเวณใต้ตามีสีที่ผิดไปจากเดิม : เกิดจากการไหลเวียนของเลือดที่ช้าและขาดออกซิเจนทำให้เส้นเลือดขยาย และเห็นเป็นสีม่วงหรือน้ำเงินอ่อนได้

อาการที่เกิดร่วมด้วย สำหรับผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ

  • หายใจลำบากเมื่อเอนหลังนอน
  • ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • เหนื่อยง่ายเมื่อทำกิจกรรมทั่วไป
  • แน่นหน้าอก หรือปวดแปลบบริเวณกลางอก

3. ถุงใต้ตาบอกโรคภูมิแพ้

สำหรับผู้ที่มีอาการถุงใต้ตาบวมเป็นบางช่วงเวลา แต่อาจเกิดได้ถี่โดยเฉพาะในตอนเช้า ช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง หรือเมื่ออยู่ในที่ที่มีฝุ่นมาก อาจเป็นไปได้ว่านี่คืออาการถุงใต้ตาบอกโรคภูมิแพ้ ซึ่งสามารถแสดงอาการผ่านรอบดวงตาได้อย่างชัดเจน

ลักษณะถุงใต้ตาจากโรคภูมิแพ้

  • บวมพร้อมคัน : โดยเฉพาะบริเวณหัวตาและใต้ตา เกิดจากการที่ร่างกายปล่อยสารฮิสตามีน (Histamine) ที่ตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสรสัตว์ คอนแทคเลนส์ หรือสารเคมีบางชนิด ซึ่งจะไปกระตุ้นให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังรอบดวงตาขยายตัว ทำให้ของเหลวรั่วออกมาในเนื้อเยื่อ เกิดอาการบวมและคันได้
  • ตาแดง น้ำตาไหล : เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ กระตุ้นอาการอักเสบในเยื่อบุตาขาวและเปลือกตา ทำให้หลอดเลือดขยายตัว มีอาการตาแดง และน้ำตาไหล ที่เกิดจากกลไกภายในร่างกายที่พยายามขจัดสารภูมิแพ้
  • อาการบวมเป็นพัก ๆ : มักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันจากการสัมผัสหรือใกล้ชิดสารก่อภูมิแพ้ เมื่อรับประทานยาแก้แพ้ หรืออยู่ห่างจากสารนั้น ๆ อาการบวมจะทุเลาลงเอง
  • รอบดวงตาแห้งและลอก : เกิดจากอาการระคายเคืองเรื้อรัง ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและความชุ่มชื้น นำไปสู่อาการคัน ลอก และเกิดผื่นแดง อาจส่งผลทำให้รอบดวงตาบวมได้

อาการที่เกิดร่วมด้วย สำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้

  • ฝุ่นละอองและไรฝุ่นในเครื่องนอน เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของรอบตัว
  • ละอองเกสรดอกไม้ โดยเฉพาะในฤดูหนาวหรือฤดูฝน
  • ขนสัตว์เลี้ยง เช่น ขนแมว ขนสุนัข
  • สารเคมีในเครื่องสำอาง เช่น น้ำหอมหรือสารกันเสีย

4. ถุงใต้ตาบอกโรคต่อมไทรอยด์

หากเกิดภาวะถุงใต้ตาบวมร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว รู้สึกหนาวง่าย หรือมีอาการตาโปนแบบไม่ทราบสาเหตุ อาจไม่ใช่ปัญหาเรื่องของรูปลักษณ์ทั่วไป แต่อาจเกี่ยวข้องกับภาวะผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ซึ่งเป็นต่อมฮอร์โมนสำคัญที่ควบคุมระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกาย

อาการของภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานได้น้อย (Hypothyroidism)

  • ใบหน้าบวมอูม : เพราะการสะสมของน้ำและเมือกใต้ผิวหนัง (Myxedema) ทำให้ผิวหนังหนาขึ้นและดูบวม
  • ผิวแห้ง หยาบ ไม่สดใส : เนื่องจากเมตาบอลิซึมต่ำทำให้การผลัดเซลล์ผิวและผลิตน้ำมันผิวลดลง
  • ผมร่วงง่าย : การเจริญเติบโตของเส้นผมช้าลง และมีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเส้นผม
  • รู้สึกหนาวแม้ในอุณหภูมิปกติ : เพราะระบบเผาผลาญของพลังงานช้าลง จึงผลิตความร้อนได้ไม่เพียงพอ
  • อาการอื่น ๆ : อ่อนเพลียง่าย เฉื่อยชา เบื่ออาหาร น้ำหนักขึ้น ท้องผูก เสียงแหบ และอาจมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย 

อาการของภาวะต่อมไทรอยด์ที่ทำงานได้มาก (Hyperthyroidism)

  • ตาโปนชัดเจน : เนื่องจากภาวะตาโปน (Exophthalmos) เป็นอาการเฉพาะของโรคเกรฟส์ (Graves’ disease) ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันและต่อมไทรอยด์
  • บวมรอบดวงตา : เป็นผลมาจากการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบดวงตาที่ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกล้ามเนื้อตาและเปลือกตา ส่งผลต่อรูปลักษณ์ และอาการระคายเคืองในดวงตาอย่างชัดเจน
  • มองเห็นไม่ชัด หรือเห็นภาพซ้อน : เกิดจากดวงตาที่โปน ส่งผลต่อกล้ามเนื้อตาจนอาจทำให้อักเสบ และมีอาการบวมโตขึ้นจนขยับตาไม่สะดวก ทำให้เห็นเป็นภาพซ้อน หรือมีตาเขในบางราย
  • การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก : น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วแม้รับประทานอาหารมาก เนื่องจากระบบเผาผลาญทำงานได้สูงผิดปกติ จนกระทบต่อร่างกาย
  • หัวใจเต้นเร็ว รู้สึกใจสั่นบ่อย : เกิดจากฮอร์โมนไทรอยด์ T3 และ T4 ที่อยู่ในระดับผิดปกติ ทำให้หัวใจบีบตัวเร็วและแรงขึ้น ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว และบางครั้งอาจเต้นไม่สม่ำเสมอ จนเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้
  • อาการอื่น ๆ : เหงื่อออกมาก, มือสั่น, อารมณ์ฉุนเฉียว, นอนไม่หลับ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ถุงใต้ตาบอกโรค และการทำงานผิดปกติของร่างกาย

5. ถุงใต้ตาบอกโรคอื่น ๆ

แม้โรคไต โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยด์ จะเป็นสาเหตุหลักที่สัมพันธ์กับถุงใต้ตา แต่ยังมีอีกหลายโรคที่สามารถแสดงออกผ่านอาการบวมของถุงใต้ตาได้เช่นกัน โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบตับ ระบบเลือด รวมถึงภาวะขาดสารอาหาร ซึ่งมักจะส่งผลต่อผิวพรรณและการไหลเวียนโลหิต 

  • ถุงใต้ตาบอกโรคตับ : มีอาการตาเหลืองและผิวเหลือง ร่วมกับอาการปวดท้องด้านขวา ซึ่งเป็นบริเวณที่มีตับอยู่ บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียน ไม่อยากอาหาร และอ่อนเพลียมากจนผิดปกติ
  • ถุงใต้ตาบอกโรคโลหิตจางและขาดสารอาหาร : มีลักษณะผิวซีดและถุงใต้ตาซีด ไม่สดใส ร่วมกับมีอาการเหนื่อยง่าย แม้ทำกิจกรรมเบา ๆ ในบางรายอาจมีภาวะเล็บเปราะและผมบาง หายใจลำบากเล็กน้อยจากการขาดออกซิเจน 

ภาวะถุงใต้ตาบวม ที่ไม่ได้เกิดจากโรคร้าย

แม้ว่าถุงใต้ตาบวมจะสัมพันธ์กับโรคไต โรคหัวใจ หรือโรคอื่น ๆ ที่กล่าวมาในข้างต้น แต่ในหลายกรณี อาการของถุงใต้ตาที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากปัจจัยทางพันธุกรรมหรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น

ถุงใต้ตาจากอายุที่มากขึ้น

  • พบในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
  • ไม่มีอาการผิดปกติทางร่างกายอื่น ๆ
  • ค่อย ๆ เกิดถุงใต้ตาอย่างช้า ๆ ไม่บวมกะทันหัน หรือบวมเป็นบางช่วง
  • มีลักษณะคล้ายกันในสมาชิกครอบครัว สามารถสังเกตได้จากคนในบ้าน

ถุงใต้ตาจากพฤติกรรม

  • การนอนดึกหรือนอนน้อยเป็นประจำ
  • มีความเครียดสะสม
  • ชอบรับประทานอาหารรสเค็มจัด
  • ดื่มน้ำน้อย ร่างกายขาดน้ำ
  • สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

แม้ว่าถุงใต้ตาบอกโรคได้ในหลายกรณี แต่การแยกแยะอาการที่เกิดจากโรคจริง ๆ กับอาการที่มาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะถุงใต้ตาบวมนั้นอาจไม่ได้หมายถึงการเจ็บป่วยเสมอไป

ดังนั้น จึงควรสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของถุงใต้ตาควบคู่กับอาการอื่น ๆ เช่น เหนื่อยง่าย ปวดศีรษะ ปัสสาวะผิดปกติ หรือผิวหนังซีดเหลือง เพื่อช่วยให้สามารถประเมินปัญหาเบื้องต้นได้อย่างเหมาะสม และพิจารณาการไปพบแพทย์ได้อย่างตรงจุด

ศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา ทางเลือกดูแลปัญหาใต้ตาบวมอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับผู้ที่แน่ใจแล้วว่าถุงใต้ตาบวมไม่ได้เกิดจากโรคต่าง ๆ แต่เกิดจากอายุ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต และต้องการที่จะปรับลุคให้ดูสดชื่น อ่อนเยาว์ ศัลยกรรมผ่าตัดตัดถุงใต้ตาอาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา 

ข้อดีของการศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา

  • สามารถแก้ปัญหาได้ชัดเจนในระยะยาว ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย ๆ 
  • กำจัดถุงไขมันสะสม จัดเรียงไขมันส่วนเกิน 
  • ปลอดภัยหากดำเนินการโดยจักษุแพทย์ด้านการผ่าตัดตกแต่งรอบดวงตาเฉพาะทาง
  • ใช้เทคนิคสมัยใหม่ที่ช่วยให้เห็นรอยแผลเป็นได้น้อย มีระยะเวลาพักฟื้นค่อนข้างสั้น

หากคุณต้องการแก้ไขถุงใต้ตาให้หมดไปอย่างยั่งยืน สามารถมาปรึกษากับจักษุแพทย์ผู้มีประสบการณ์ได้ที่ Bangkok Eye Aesthetics (BEA Clinic) คลินิกศัลยกรรมตาเฉพาะทางใจกลางอโศก ให้บริการโดยจักษุแพทย์ด้านการผ่าตัดตกแต่งรอบดวงตา พร้อมวิเคราะห์ปัญหาและออกแบบแผนการผ่าตัดถุงใต้ตาเฉพาะบุคคลฟรี โดยใช้เทคนิคซ่อนแผลด้านใน ไร้แผลเป็นภายนอก รับประกันความพอใจ 1 ปี หากสนใจ สามารถนัดหมายเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้ที่ LINE Official https://lin.ee/gKyYK6F หรือโทร. 064-196-3635

ข้อมูลอ้างอิง