ทำความเข้าใจถุงใต้ตา สาเหตุจนวิธีรักษาที่ถูกต้อง
13 สิงหาคม 2025
doctor-image-202507185103425.webp)
ผู้เขียน
นพ.จิรัช เจตชยานนท์

บอกลาตาหย่อนคล้อย ลดอายุให้กับใบหน้า
ถุงใต้ตาเป็นปัญหาความงามที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อความมั่นใจของหลายคน ไม่ว่าจะเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยทางพันธุกรรม หรือการดูแลตนเองที่ไม่เหมาะสม การเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของถุงใต้ตาจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการเลือกวิธีแก้ไขที่เหมาะสม
ถุงใต้ตาคืออะไร
ถุงใต้ตาเป็นอาการที่ผิวหนังใต้ตาดูบวม ป่องออกมา ทำให้ดูหนักตาและขาดความสดใส โดยในมุมมองทางการแพทย์ ถุงใต้ตาเกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเนื้อเยื่อบริเวณรอบดวงตา ซึ่งรวมถึงผิวหนัง กล้ามเนื้อ และไขมันที่อยู่ในบริเวณนั้นด้วย
ปัญหานี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของความงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้า ทำให้ดูเหนื่อยล้า ไม่มีชีวิตชีวา หรือดูแก่เกินวัย ในบางกรณี หากปัญหารุนแรงมาก อาจส่งผลต่อสายตาได้เช่นกัน อีกทั้งถุงใต้ตายังสามารถเกิดได้กับทุกวัย ทั้งเด็กเล็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แตกต่างกัน ซึ่งการระบุสาเหตุที่ถูกต้องจะช่วยให้การเลือกวิธีรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร ? สาเหตุหลักที่ควรรู้
1. การเสื่อมสภาพตามอายุ
การเสื่อมสภาพตามอายุเป็นสาเหตุหลักที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี เมื่อร่างกายเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อย กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อพยุงอ่อนแรงลง ส่งผลให้ไขมันที่ปกติถูกกักไว้ด้านในเบ้าตาเริ่มเคลื่อนออกมาข้างนอก ประกอบกับแรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อใบหน้าอย่างต่อเนื่องและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกใบหน้า ทำให้ปัญหาถุงใต้ตาเกิดขึ้นและรุนแรงขึ้นตามอายุ
2. ปัจจัยทางพันธุกรรม
ปัจจัยทางพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญมากในการกำหนดว่าใครจะมีปัญหาถุงใต้ตา หากพ่อแม่หรือญาติใกล้ชิดมีปัญหานี้ โอกาสที่จะเกิดขึ้นในลูกหลานมักจะสูงกว่าคนทั่วไป ซึ่งโดยส่วนมากลักษณะทางพันธุกรรมที่ส่งผลทำให้เกิดภาวะนี้ จะเกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างของใบหน้า รูปแบบการจัดเรียงไขมัน ความหนาของผิวหนังใต้ตา และแนวโน้มการเก็บสะสมน้ำในเนื้อเยื่อ ทำให้การแสดงออกของปัญหาถุงใต้ตาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
3. การเคลื่อนตัวของไขมันออร์บิทัล
ไขมันออร์บิทัล (Orbital Fat) เป็นไขมันที่มีหน้าที่ปกป้องลูกตา ปกติจะถูกกักไว้ด้านในเบ้าตาโดยเนื้อเยื่อพยุงที่เรียกว่า Septum แต่เมื่อ Septum อ่อนแรงลงตามอายุหรือเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ไขมันจะเคลื่อนตัวออกมาข้างนอก ทำให้เกิดการปูดโปนของเนื้อเยื่อใต้ตา ประกอบกับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงที่สะสมมานานหลายปี ทำให้ไขมันห้อยลงเรื่อย ๆ และอาจรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา
4. ปัจจัยจากวิถีชีวิต
แม้ปัจจัยหลักจะมาจากอายุและพันธุกรรม แต่วิถีชีวิตก็มีส่วนสำคัญในการเร่งให้ปัญหาเกิดได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การนอนหลับไม่เพียงพอที่ส่งผลให้การไหลเวียนน้ำเหลืองไม่ดีและเพิ่มฮอร์โมนความเครียด รวมถึงภาวะความเครียดสะสมที่จะไปเพิ่มการผลิต Cortisol ซึ่งเป็นตัวทำลายคอลลาเจน อีกทั้งการสูบบุหรี่ก็มีส่วนทำลายคอลลาเจนและลดการไหลเวียนเลือด ส่วนการดื่มแอลกอฮอล์ก็จะทำให้เกิดการขาดน้ำและอักเสบ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลเสียต่อคุณภาพผิวหนังและเร่งให้เกิดปัญหาถุงใต้ตาทั้งสิ้น
ถุงใต้ตาต่างจากไขมันใต้ตาอย่างไร ?
หลายคนมักเข้าใจผิดว่า "ถุงใต้ตา" กับ "ไขมันใต้ตา" เป็นสิ่งเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้เลือกวิธีรักษาได้อย่างถูกต้อง
- ถุงใต้ตา เป็นผลลัพธ์หรืออาการที่เห็นได้จากภายนอก คือ ลักษณะของผิวใต้ตาที่ดูบวม ป่องออกมา หรือมีรอยย่น ภาวะมีถุงใต้ตาอาจเกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นไขมันที่เคลื่อนออกมา ผิวหนังที่หย่อนคล้อย การสะสมของน้ำ หรือการอักเสบ
- ไขมันใต้ตา (Orbital Fat) เป็นหนึ่งในสาเหตุเฉพาะที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา มักเป็นไขมันที่ปกติแล้วจะอยู่ด้านในเบ้าตาแต่เคลื่อนตัวออกมาข้างนอกเนื่องจากเนื้อเยื่อพยุงอ่อนแรง ไขมันชนิดนี้มีหน้าที่สำคัญในการปกป้องลูกตา ดังนั้นการรักษาจึงต้องคำนึงถึงความสมดุลและหน้าที่ของไขมันด้วย
การเข้าใจความแตกต่างนี้มีความสำคัญต่อการวางแผนการรักษา เพราะการรักษาถุงใต้ตาที่เกิดจากไขมันส่วนเกินจะต้องใช้วิธีการที่แตกต่างจากการรักษาถุงใต้ตาที่เกิดจากการบวมหรือผิวหนังหย่อนคล้อยเพียงอย่างเดียว
ปัญหาถุงใต้ตาบวม - เมื่อปัญหาทวีความรุนแรงมากขึ้น
เมื่อมีปัญหาถุงใต้ตาอยู่แล้ว การเกิดอาการบวมจะทำให้ปัญหาดูชัดเจนและรุนแรงยิ่งขึ้น แต่การบวมไม่ใช่ปัญหาถาวร เพราะเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นและหายไปได้เอง ซึ่งโดยทั่วไปสาเหตุจะเกิดจากปัจจัยเหล่านี้
ถุงใต้ตาบวมเกิดจากอะไร ?
- การสะสมของน้ำเหลืองในเนื้อเยื่อ
- การอักเสบและการไหลเวียนเลือดไม่ดี
- การบริโภคอาหารเค็มมากเกินไป
- การแพ้อาหารหรือสิ่งแวดล้อม
- ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง (โดยเฉพาะในผู้หญิง)
ผลกระทบ
- ทำให้ถุงใต้ตาดูใหญ่และชัดเจนขึ้น
- เพิ่มความหนักตาและความเหนื่อยล้า
- ส่งผลต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพ
อาการบวมที่เกิดขึ้นมักเป็นสัญญาณเตือน ว่าปัญหาถุงใต้ตาต้องการการแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะอาจเป็นการบ่งบอกถึงเนื้อเยื่อในบริเวณนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการทำงานตามปกติ

วิธีแก้ถุงใต้ตา - ตัวเลือกการรักษาที่หลากหลาย
1. วิธีแก้ถุงใต้ตาเบื้องต้น
- การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เป็นขั้นตอนแรกที่ควรทำ ได้แก่ การนอนหลับให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน การดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดการบริโภคเกลือ และหมั่นออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง
- การใช้ครีมบำรุงที่เหมาะสม ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของ Retinol, Vitamin C, Peptides, หรือ Hyaluronic Acid ซึ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและให้ความชุ่มชื้น อีกทั้งการใช้ครีมกันแดดก็มีความสำคัญอย่างมาก เพื่อช่วยป้องกันความเสียหายบริเวณใต้ตาจากรังสี UV
- การนวดและการบริหารกล้ามเนื้อหน้า เทคนิคนี้จะช่วยส่งเสริมการไหลเวียนเลือดและลดอาการบวม แต่ต้องทำอย่างระมัดระวังเพราะผิวหนังรอบดวงตาบอบบางมาก
หมายเหตุสำคัญ: วิธีเหล่านี้ช่วยป้องกันในระดับเบื้องต้น แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างที่เป็นต้นเหตุได้ หากมีไขมันส่วนเกินหรือผิวหนังหย่อนคล้อยมาก การดูแลด้วยตนเองเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอ
2. การรักษาทางการแพทย์
การฉีดฟิลเลอร์ ใช้สำหรับเติมเต็มร่องใต้ตาที่เกิดจากการสูญเสียปริมาตร ช่วยปรับปรุงเงาใต้ตาและทำให้ดูเรียบเนียนขึ้น แต่ไม่สามารถแก้ไขไขมันส่วนเกินหรือผิวหนังหย่อนคล้อยได้ และอาจมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากบริเวณใต้ตามีเส้นเลือดที่สำคัญหลายเส้น หากฉีดผิดตำแหน่งอาจทำให้เกิดการอุดตันเส้นเลือด ส่งผลให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อหรือแม้กระทั่งทำให้ตาบอดได้
3. การผ่าตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) - วิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุด
การผ่าตัดเป็นวิธีแก้ถุงใต้ตาที่มีประสิทธิภาพทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาได้ตรงต้นเหตุ ด้วยวิธีการกำจัดไขมันส่วนเกิน ดึงกระชับผิวหนัง การปรับตำแหน่งไขมัน แก้ไขร่องน้ำตา และการเสริมโครงสร้างพยุง โดยเฉพาะหากเข้ารับการผ่าตัดถุงใต้ตา ที่ BEA Clinic โดยจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการช่วยประเมินการรักษา และเลือกใช้เทคนิคเฉพาะที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
เทคนิคการผ่าตัดซ่อนแผลด้านใน (Transconjunctival Approach) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำการผ่าตัดผ่านด้านในของเปลือกตาล่าง ทำให้ไม่มีรอยแผลปรากฏบนผิวหนังภายนอก เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินน้อย เเละมีผิวหนังหย่อนคล้อยปานกลาง
ส่วนผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยมาก จะใช้เทคนิคการผ่าตัดแผลนอก (Transcutaneous Approach) ซึ่งจะทำการผ่าตัดผ่านผิวหนังด้านนอกของเปลือกตาล่าง ใกล้กับขอบเปลือกตา เทคนิคนี้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินและยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อยได้ในเวลาเดียวกัน โดยจักษุแพทย์จะทำการเปิดแผลเล็ก ๆ บริเวณใต้แนวขอบขนตาล่างเพื่อจัดการกับไขมันส่วนเกินและผิวหนังหย่อนคล้อยใต้ตาทำให้รอยแผลมีขนาดเล็ก หรือแทบมองไม่เห็นแผลเมื่อหายสนิท
แต่นอกจากการรักษาถุงใต้ตาด้วยเทคนิคซ่อนแผลด้านในและแผลนอกแล้ว ที่ BEA Clinic ยังมีความพิเศษดังนี้
- ผ่าตัดโดยจักษุแพทย์เฉพาะทาง ที่มีความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ของตาและความเข้าใจในการทำงานของระบบต่าง ๆ รอบดวงตา ทำให้จักษุแพทย์สามารถทำการผ่าตัดได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- ออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ทุกคนมีโครงสร้างใบหน้าและปัญหาที่แตกต่างกัน การวิเคราะห์และออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การรักษาตามที่คาดหวัง
- การผสมผสานศาสตร์ทางการแพทย์และความงาม การรักษาไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหาเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความสวยงามและความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์ เพื่อให้ได้ดวงตาที่ดูสดใสและเหมาะกับบุคลิกของแต่ละคน
- การดูแลต่อเนื่องนาน 1 ปี ระยะหลังการผ่าตัดมีความสำคัญไม่แพ้กับการผ่าตัด เราจึงต้องติดตามผลและให้คำแนะนำกับผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีและยั่งยืน
- ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติและยาวนาน ที่ BEA Clinic ใช้เทคนิคที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล ผลลัพธ์ที่ได้จึงดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทำซ้ำเหมือนการรักษาแบบอื่น
หากคุณกำลังประสบปัญหาถุงใต้ตาและต้องการแก้ไขอย่างถูกวิธี การปรึกษาจักษุแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด Bangkok Eye Aesthetics (BEA Clinic) คลินิกทำตาสองชั้นใจกลางอโศก ให้บริการโดยจักษุแพทย์ ที่พร้อมวิเคราะห์ปัญหา และออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคลฟรี ด้วยเทคนิคการผ่าตัดถุงใต้ตาแบบซ่อนแผลด้านใน ให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ สามารถนัดหมายเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาได้ทาง LINE Official https://lin.ee/gKyYK6F หรือโทร. 064-196-3635

ข้อมูลอ้างอิง:
- Bags under eyes. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 จาก https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bags-under-eyes/symptoms-causes/syc-20369927
คำถามที่พบบ่อย
การผ่าตัดถุงใต้ตาเทคนิคแผลใน คืออะไร?
การผ่าตัดถุงใต้ตาแบบแผลใน (Internal Lower Blepharoplasty) เป็นเทคนิคที่ซ่อนแนวแผลไว้ด้านในของเปลือกตาล่าง จึงไม่มีรอยแผลปรากฏบนผิวภายนอก ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องเย็บแผลจากด้านนอก