กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดจากอะไร ? สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา
02 สิงหาคม 2025
doctor-image-202507185103425.webp)
ผู้เขียน
นพ.จิรัช เจตชยานนท์
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง อาการที่ไม่ควรมองข้ามเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
เคยสังเกตไหมว่าทำไมเปลือกตาของคุณเริ่มตกลงมา มองเห็นได้ไม่ชัดเจน หรือรู้สึกเหนื่อยล้าทุกครั้งที่ต้องลืมตานาน ๆ ? อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่เพียงความเหนื่อยชั่วคราว แต่เป็นสัญญาณของ “โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง(Ptosis)” ซึ่งเป็นภาวะผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อรอบดวงตา และอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็น รวมถึงคุณภาพชีวิตของคุณอย่างที่คาดไม่ถึง
โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงคืออะไร ?
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis) คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อซึ่งทำหน้าที่ยกเปลือกตาบน (Levator Muscle) ทำงานผิดปกติหรืออ่อนแรงลง ส่งผลให้เปลือกตาตกลงมามากกว่าปกติ จนบางกรณีอาจบดบังการมองเห็นได้ โดยเฉพาะเมื่อลืมตาในขณะพักผ่อน หรือใช้งานดวงตาต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ภาวะนี้สามารถเกิดได้ทั้งข้างเดียวหรือสองข้าง และพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ทารกแรกเกิด เด็ก วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยบางกรณีอาจเกิดขึ้นแบบชั่วคราว ในขณะที่อีกหลายกรณีเป็นภาวะถาวร ที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เกิดจากอะไร ?
การเข้าใจสาเหตุว่าโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดจากอะไร เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการวางแผนการรักษาอย่างตรงจุด โดยสาเหตุหลักสามารถจำแนกออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
1. ความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
ในกรณีที่กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดจากความผิดปกติของการส่งสัญญาณประสาท เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิด MG (Myasthenia Gravis) ซึ่งเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายกล้ามเนื้อ ที่อาจส่งผลได้ทั่วร่างกาย หากเป็นที่ตาจะมีชื่อเรียกอย่างเฉพาะว่า OMG (Ocular Myasthenia Gravis) ส่งผลให้การสั่งงานจากสมองมายังกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยกเปลือกตาไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้เปลือกตาตก ลืมตาลำบาก
2. การเสื่อมสภาพตามอายุ
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อรอบดวงตา รวมถึงเนื้อเยื่อที่รองรับเปลือกตาจะเริ่มอ่อนแรงลง ทำให้เปลือกตาค่อย ๆ ตกลงมาอย่างช้า ๆ โดยเฉพาะในผู้สูงวัย ภาวะนี้จึงมักพบได้บ่อยในกลุ่มคนอายุ 50 ปีขึ้นไป
3. ความผิดปกติทางพันธุกรรม
บางรายอาจมีความผิดปกติของกล้ามเนื้อตาตั้งแต่กำเนิด อันเนื่องมาจากพันธุกรรม ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อยกเปลือกตาไม่มีการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ ภาวะนี้พบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด และหากไม่รักษา อาจส่งผลต่อพัฒนาการด้านการมองเห็นในอนาคต
4. การบาดเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษา
การผ่าตัดตา อุบัติเหตุ หรือแม้แต่การใช้คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานาน ล้วนสามารถส่งผลให้กล้ามเนื้อเปลือกตาอ่อนแรงลงได้ นอกจากนี้ การทำหัตถการบางชนิด เช่น โบท็อกซ์ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง ก็สามารถกระทบกับการทำงานของกล้ามเนื้อรอบดวงตาได้เช่นกัน
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง อาการเป็นอย่างไร ?
หากเป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง อาการจะสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน โดยจะมีลักษณะอาการหลัก ๆ ดังนี้
- เปลือกตาตกข้างเดียวหรือสองข้าง ตาปรือ ดูง่วงนอน อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในตอนบ่าย หรือหลังใช้งานสายตานาน ๆ
- ยกคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัว เป็นพฤติกรรมตอบสนองของร่างกาย เพื่อพยายามเปิดตาให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เปลือกตาตกมาก
- มองเห็นไม่ชัดหรือมองเห็นซ้อน โดยเฉพาะเมื่อกล้ามเนื้ออื่นของดวงตาได้รับผลกระทบร่วมด้วย
- รู้สึกเมื่อยล้าในดวงตา หรือมีอาการปวดบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา เมื่อจำเป็นต้องพยายามลืมตาตลอดเวลา
เป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง มีวิธีการรักษาอย่างไร ?
การวินิจฉัยโดยแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษา
การตรวจร่างกายโดยจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง โดยแพทย์จะประเมินระดับความรุนแรงของอาการเปลือกตาตก ตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อ และอาจพิจารณาการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การทดสอบระบบประสาท หรือการตรวจ MRI เพื่อแยกโรคอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง
การรักษาด้วยยา สำหรับกรณีที่เกิดจากปัญหาระบบประสาทกล้ามเนื้อ
ในกรณีที่กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดจากโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิด MG (Myasthenia Gravis) หรือความผิดปกติของระบบประสาท แพทย์จะมีการสั่งจ่ายยาที่ช่วยปรับสมดุลการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น ยาในกลุ่ม Anticholinesterase หรือยาสเตียรอยด์ เพื่อควบคุมอาการ
การใช้เครื่องช่วยหรืออุปกรณ์พยุงเปลือกตา
สำหรับผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง แต่ยังไม่ประสงค์ทำการรักษาด้วยการผ่าตัด หรือมีข้อจำกัดในการรักษา สามารถใช้อุปกรณ์พยุงเปลือกตา หรือที่เรียกว่า Ptosis Crutch เพื่อประคองเปลือกตาให้อยู่ในระดับปกติชั่วคราวได้ โดยอุปกรณ์นี้มักใช้ติดกับกรอบแว่นตา เพื่อยกเปลือกตาให้ไม่บดบังการมองเห็น

การผ่าตัดยกเปลือกตา (Ptosis Surgery) สำหรับกรณีที่รุนแรงหรือต้องการผลลัพธ์ถาวร
สำหรับผู้ที่มีภาวะรุนแรง หรือต้องการผลลัพธ์แบบถาวร การผ่าตัดเป็นทางเลือกการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยแพทย์จะทำการปรับความตึงของกล้ามเนื้อ Levator หรือใช้วัสดุเสริมเพื่อยกเปลือกตาขึ้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ในการผ่าตัด แพทย์จะพิจารณาจากโครงสร้างของดวงตาและผลที่คนไข้ต้องการเป็นหลัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและสมดุลกับใบหน้ามากที่สุ
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาเปลือกตาตก ตาปรือ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง สามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ที่ Bangkok Eye Aesthetics (BEA Clinic) คลินิกเฉพาะทางด้านรอบดวงตาและศัลยกรรมรอบดวงตา เราพร้อมให้บริการผ่าตัดแก้ไขภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงโดยจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้วยเทคนิคการผ่าตัดที่เน้นทั้งผลลัพธ์ทางการแพทย์ และความงามในคราวเดียวกัน ช่วยให้ดวงตาของคุณกลับมาสดใส ลืมตาได้เต็มที่ มองเห็นชัดเจน และเสริมความมั่นใจให้มากขึ้นได้
นัดหมายเข้ารับการประเมินและปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยวันนี้ ที่ LINE: https://lin.ee/gKyYK6F หรือโทร. 064-196-3635
ข้อมูลอ้างอิง:
- What Is Ptosis?. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 จาก https://www.aao.org/eye-health/diseases/what-is-ptosis
คำถามที่พบบ่อย
แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงต่างจากทำตาสองชั้นปกติยังไง?
การผ่าตัดแก้ไขภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมีจุดประสงค์เพื่อยกเปลือกตาให้เปิดได้กว้างขึ้น ช่วยลดปัญหาตาปรือ หรือลักษณะตาง่วงซึมคล้ายผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งแตกต่างจากการทำตาสองชั้นทั่วไปที่มุ่งเน้นการสร้างชั้นตาเพื่อความสวยงามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หัตถการนี้ยังคงใช้เทคนิคเดียวกันกับการผ่าตัดตาสองชั้น โดยแพทย์จะพิจารณาอย่างละเอียดเพื่อปรับให้เหมาะกับโครงสร้างดวงตาของแต่ละบุคคล
ทำศัลยกรรมตาต้องพักฟื้นกี่วัน? ต้องหยุดงานนานไหม?
แนะนำให้เผื่อเวลาพักฟื้นประมาณ 5–7 วัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับหัถตการที่เลือกทำ รวมถึงเทคนิคและการตอบสนองของร่างกายแต่ละคน
ราคาศัลยกรรมตา ที่ BEA Clinic?
- ทำตาสองชั้น ราคาเริ่มต้น 27,900 บาท
- ตัดถุงใต้ตา ราคาเริ่มต้น 32,900 บาท
- แก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ราคาเริ่มต้น 45,900 บาท
- ยกหางตา ซ่อนแผลใต้คิ้ว ราคา 39,900 บาท
- เปิดหัวตา หรือหางตา ราคาเริ่มต้น 25,900 บาท
- แก้ไขตาสองชั้นเดิม ราคาเริ่มต้น 45,900 บาท
- ยกคิ้ว ราคา 39,900 บาท